Mercedes-Benz V 250 d Exclusive รถแวนเฟิร์สคลาส 7 ที่นั่ง นำเข้าทั้งคันจากประเทศสเปน
เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเดิมเปิดปี 2023 แนะนำโมเดล V-Class รุ่นล่าสุดอย่าง Mercedes-Benz V 250 d Exclusive รถแวนอเนกประสงค์ 7 ที่นั่ง ระดับเฟิร์สคลาส โดยโมเดลนี้ถูกผลิตและนำเข้า (CBU) มาจากโรงงานเมอร์เซเดส-เบนซ์ ในเมืองบิโตเรีย-กัสเตอิซ (Vitoria-Gasteiz) ประเทศสเปน ซึ่งเป็นโรงงานผลิตรถแวนของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับสองของโลก
Mercedes-Benz V 250 d Exclusive เป็นยนตรกรรมรถแวนที่เหมาะกับกลุ่มครอบครัว มีความโดดเด่นในทุกมิติทั้งการออกแบบภายนอกและภายใน พื้นที่ใช้สอยในห้องโดยสาร พร้อมฟังก์ชั่นการใช้งานที่อำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ขับขี่และผู้โดยสาร สมรรถนะและการขับขี่ที่ดีเยี่ยม รวมถึงเทคโนโลยีและระบบความปลอดภัยตามแบบฉบับของเมอร์เซเดส-เบนซ์ เจเนเรชั่นใหม่
โดยในรุ่น Exclusive ที่เป็นโมเดลโฉมปี 2023 จะได้รับการตกแต่งในสไตล์ Avantgarde และมีการออกแบบขนาดตัวถังแบบ Extra Long พร้อมกับเครื่องยนตร์ดีเซล 2.0 ลิตรเทอร์โบรหัสใหม่ และระบบส่งกำลังเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด 9G-TRONIC PLUS ทำให้ Mercedes-Benz V 250 d Exclusive เป็นรถประเภทแวนในระดับเฟิร์สคลาส ที่ตอบโจทย์ความต้องการทั้งความสะดวกสบายและความคล่องตัวในการขับขี่
Mercedes-Benz V 250 d Exclusive เป็นรถแวนแบบ 3 ตอน 7 ที่นั่ง จัดรูปแบบการนั่งแบบ 2-2-3 โดยออกแบบตัวถังแบบ Extra Long ด้วยมิติตัวถังทั้งความกว้าง ความยาว ความสูง อยู่ที่ 1,928 x 5,370 x 1,909 มม. ทำให้มีพื้นที่ใช้สอยในส่วนของพื้นที่โดยสารและพื้นที่บรรทุกสัมภาระที่มากขึ้น มีความจุสัมภาระสูงสุด 1,410 ลิตร และความจุถังน้ำมัน 70 ลิตร
ส่วนการตกแต่งภายนอกจะคงความภูมิฐานและแฝงด้วยความสปอร์ตด้วยการตกแต่งแบบ Avantgarde รอบคัน รวมถึงล้ออัลลอยด์ 5-Twin Spoke ขนาด 18 นิ้ว พร้อมไฟหน้าแบบ LED Intelligent Light System ที่จะปรับลำแสงตามสภาพแวดล้อมแบบอัตโนมัติ และ Day Time Running Light รวมถึงการติดตั้งระบบไฟฟ้าสำหรับประตูบานเลื่อนของผู้โดยสารตอนที่ 2 และประตูท้าย (EASY-PACK tailgate) พร้อมติดตั้งระบบกันสะเทือนแบบ AGILITY CONTROL ช่วยซับแรงกระแทกและทำให้ช่วงล่างมีความนุ่มนวลยิ่งขึ้น
ด้านภายใน Mercedes-Benz V 250 d Exclusive ถูกออกแบบอย่างประณีตและพิถีพิถันตามแบบฉบับของ เมอร์เซเดส-เบนซ์ โดยมีสไตล์ที่เรียบหรู แฝงไปด้วยความสปอร์ตอย่างมีระดับ มีการติดตั้งฟังก์ชั่นการใช้งานที่มอบความสะดวกสบายให้ทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสารได้เป็นอย่างดี เช่น พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นที่สามารถควบคุมการใช้งานต่างๆ ภายในรถได้อย่างอัจฉริยะ เสริมความสนุกในการขับขี่ด้วยแป้นควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ (DIRECT SELECT gearshift paddles)
เบาะนั่งหุ้มด้วยหนัง Lugano สีดำ ตกแต่งคอนโซลด้วยลวดลาย Pinstripe effect ที่มีความลงตัวรับกับหน้าจอหลักบนคอนโซลกลางที่เป็นจอมัลติมีเดียขนาด 10.25 นิ้ว ใช้ระบบเชื่อมต่อแบบ Smart Phone Integration รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto รวมถึงระบบ MBUX (Mercedes-Benz User Experience) ที่ผสานการทำงานของระบบมัลติมีเดียเข้ากับเทคโนโลยีอัจฉริยะ AI เพื่อเรียนรู้และจดจำพฤติกรรมของผู้ขับขี่ และควบคุมระบบความบันเทิงผ่านคำสั่งเสียง พร้อมยกระดับบรรยากาศที่ดีเยี่ยมในห้องโดยสารด้วยคุณภาพของระบบเสียงรอบทิศทางแบบ Burmester และแสงไฟ Ambient Light แบบปรับเฉดสีได้ 3 สี
Mercedes-Benz V 250 d Exclusive ยังโดดเด่นด้านความสบายในห้องโดยสาร โดยที่นั่งผู้โดยสารตอนหน้าเป็นเบาะปรับไฟฟ้าพร้อมและสามารถตั้งค่าหน่วยความจำ (memory seat) ได้ด้านละ 3 ตำแหน่ง ในส่วนที่นั่งของผู้โดยสารตอนหลังแถวที่ 1 จะเป็นรูปแบบ Luxury captain seat แยกซ้าย-ขวา ปรับด้วยไฟฟ้าและหน่วยความจำ 2 ตำแหน่ง พร้อมระบบนวดหลัง ระบบระบายอากาศ และระบบควบคุมอุณหภูมิอัตโนมัติแบบแยกโซน โดยมีระบบ THERMOTRONIC สำหรับผู้โดยสารตอนหน้า และระบบ TEMPMATIC สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง มอบประสบการณ์แสนสบายในระหว่างการขับขี่และการโดยสารไปอีกขั้น
Mercedes-Benz V 250 d Exclusive มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 4 สูบ ขนาด 1,950 ลิตร เจเนอเรชั่นล่าสุดของเมอร์เซเดส-เบนซ์ กำลังสูงสุด 190 แรงม้า ที่ 4,200 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 440 นิวตัน-เมตร ที่ 1,350 – 2,400 รอบ/นาที เร่งจาก 0 – 100 กม./ชม. ในเวลาเฉลี่ย 9.6 วินาที มีความเร็วสูงสุดโดยประมาณ 205 กม./ชม. ระบบส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติเดินหน้า 9 จังหวะ (9G-TRONIC PLUS)
ความปลอดภัยในการขับขี่และการโดยสารเป็นสิ่งที่ เมอร์เซเดส-เบนซ์ ให้ความสำคัญ โดยเฉพาะกับรถยนต์ในกลุ่ม V-Class ที่ได้รับความนิยมในกลุ่มคนที่มีครอบครัว ดังนั้นเทคโนโลยีต่างๆ ใน Mercedes-Benz V 250 d Exclusive จึงมีทั้งระบบความปลอดภัยมาตรฐานและระบบความปลอดภัยขั้นสูง รวมถึงอุปกรณ์ที่เสริมความปลอดภัย อาทิ ระบบช่วยเบรกอัตโนมัติแบบแอคทีฟ (Active Brake Assist) ระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่ ATTENTION ASSIST ระบบเปิด-ปิด ไฟสูงอัตโนมัติ (Automatic headlight assist) เซ็นเซอร์ปัดน้ำฝน (Rain sensor) เซ็นเซอร์ช่วยในการนำรถเข้าจอด (PARKTRONIC) ถุงลมนิรภัยและม่านถุงลมนิรภัยรอบคัน พร้อมเทคโนโลยีกล้องแสดงภาพแบบรอบทิศทาง (360º Camera)
โดยมีสีตัวถังให้เลือกทั้งหมด 6 สี ได้แก่ ขาว (Crystal white) แดง (Hyacinth red metallic) เงิน (Brilliant silver metallic) ดำ (Obsidian black metallic) เทา (Pebble grey) และเทาเข้ม (Dark graphite grey metallic)
Mercedes-Benz V 250 d Exclusive วางจำหน่ายแล้วในราคา 5,400,000 บาท สำหรับผู้ที่สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม รวมถึงข้อเสนอพิเศษต่างๆ ได้ที่ผู้จำหน่ายรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์อย่างเป็นทางการทั่วประเทศ
คลิกดูรูปเพิ่มเติม