REVIEW : TOYOTA COROLLA ALTIS HEV GR SPORT ขับสนุก ด้วยช่วงล่างที่เฟิร์มขึ้น
จากข้อมูลไลน์อัพของรถยนต์จากค่ายโตโยต้าที่ทำตลาดในประเทศไทย จะเห็นมีหลายโมเดลหลายเซกเม้นต์ได้เพิ่มทางเลือกให้กับกลุ่มลูกค้า เพื่อให้ครอบคลุมความต้องการที่หลากหลาย หนึ่งในทางเลือกนอกจากมีการเปิดขายชุดอุปกรณ์ตกแต่งแล้ว ก็ยังมีรุ่นที่ผ่านตกแต่งอัพเกรดแบบเบ็ดเสร็จจากโรงงานออกมา ในเวอร์ชั่นของ GR Sport หรือ Gazoo Racing อีกด้วย ซึ่งก็นับว่าได้รับความนิยมไม่น้อยเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นพีพีวีพี่ใหญ่อย่าง Fortuner, ปิคอัพยอดนิยม Hilux Revo และซีดานขนาดกลางอย่าง Corolla Altis, รวมถึงคอมแพ็คเอสยูวี Corolla Cross และ C-HR (ไม่นับรวมกับยนตรกรรมระดับ Performance ที่มาในเวอร์ชั่น GR แบบเต็มรูปแบบอย่าง GR Supra และ GR 86)
ล่าสุดก็มีการเพิ่ม TOYOTA COROLLA ALTIS HEV GR SPORT ขุมพลังไฮบริด จำหน่ายในราคา 1,129,000 บาท ปรับเพิ่มขึ้นจาก HEV Premium 120,000 บาท ขอท้าวความนิดนึงครับ โดยเดิมที TOYOTA COROLLA ALTIS เวอร์ชั่น GR SPORT นั้นมีเฉพาะรุ่นขุมพลังเบนซิน 1.8 เท่านั้น มาพร้อมกับการอัพเกรดเสริมความสปอร์ตด้วยชุดแต่งภายนอก-ภายใน และระบบช่วงล่างที่เซ็ตใหม่จากโรงงานเพื่อรุ่นนี้โดยเฉพาะ สีตัวถังภายนอกให้เลือก 3 สี คือ ขาว แดง และดำ ราคา 1,059,000 บาท (สีขาว Platinum White Pearl เพิ่ม 10,000 บาท และล่าสุดเมื่อเปิดเข้าไปดูข้อมูลจากเว็บไซต์หลักของโตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย ก็พบว่าไม่มี GR Sport ในรุ่นเบนซินล้วน นั้นหมายถึงว่าตอนนี้ COROLLA ALTIS 1.8 GR SPORT ถูกยกเลิกจากไลน์อัพนี้ไปแล้ว
รายละเอียดภายนอกของ COROLLA ALTIS HEV GR SPORT
– กระจังหน้า ดีไซน์ใหม่ GR Sport
– ไฟตัดหมอกคู่หน้า ดีไซน์ใหม่
– กระจกมองข้างสีดำ พับเก็บอัตโนมัติ (Auto Folding) พร้อม Reverse Link และไฟเลี้ยว
– สเกิร์ตข้าง GR Sport ดีไซน์ใหม่ GR Sport
– สเกิร์ตหลัง ดีไซน์ใหม่ GR Sport
– ล้ออัลลอย ขนาด 17 นิ้ว GR Sport
– สัญลักษณ์ GR Sport บริเวณฝาท้าย
– ไฟน้า LED พร้อมระบบ Follow-Me-Home
– มือจับประตูด้านนอก โครเมียม-ไฟท้าย Full LED
– ที่ปัดน้ำฝน แบบอัตโนมัติ
รายละเอียดภายในของ COROLLA ALTIS HEV GR SPORT
– เบาะหนังคู่หน้า ตกแต่งด้วยแถบแดงดีไซน์สปอร์ต
– โลโก้ GR บริเวณเบาะนั่งคู่หน้า
– ปุ่ม Push Start พร้อมสัญลักษณ์ GR
– เบาะนั่งคู่หน้า ปรับด้วยระบบไฟฟ้า
– ปุ่มปรับดันหลังไฟฟ้า Lumbar Support
– ระบบเบรกมือแบบไฟฟ้า
– ระบบกรองอากาศ Nanoe
– กระจกมองหลัง ปรับลดแสงอัตโนมัติ
– มาตรวัดจอสี TFT ขนาด 12.3 นิ้ว (1.8 GR SPORT 7 นิ้ว )พร้อมจอ HUD แบบสี
– เครื่องเสียง จอสัมผัสขนาด 9 นิ้ว (1.8 GR SPORT 8 นิ้ว) รองรับ Bluetooth, USB ระบบเชื่อมต่อ Apple CarPlay, Android Auto
– ระบบกรองอากาศภายในห้องโดยสาร nanoe
– ช่องต่ออุปกรณ์ไฟฟ้า USB ด้านหน้า 2 ตำแหน่ง
-ช่องต่ออุปกรณ์ไฟฟ้า USB ด้านหลัง 2 ตำแหน่ง (บริเวณด้านหลังคอนโซลกลาง)
– ช่องต่ออุปกรณ์ ไฟฟ้า 12V 1 ตำแหน่ง
– อุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สาย
– กระจกมองหลัง แบบปรับลดแสงสะท้อนอัตโนมัติ
พื้นที่เก็บสัมภาระด้านท้าย และอุปกรณ์ถอดล้อ-แม่แรง
ระบบช่วงล่าง COROLLA ALTIS HEV GR SPORT
– ช็อคอัพเซ็ตใหม่ เฉพาะรุ่น GR Sport
– คอยล์สปริง จูนใหม่ เฉพาะรุ่น GR Sport
– Rear Bar Stabilizer
-พวงมาลัยพาวเวอร์ไฟฟ้า EPS (Electric Power Steering) ปรับแต่งเฉพาะรุ่น GR Sport
ระบบความปลอดภัย Toyota Safety SENSE
– ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ Automatic High Beam Control
– ระบบความปลอดภัยก่อนการชน และ เบรกอัตโนมัติ Pre-Collision System
– ระบบเตือนเมื่อออกนอกเลน พร้อมหน่วงพวงมาลัยอัตโนมัติ Lane Departure Warning With Steering Assist
– ระบบประคองรถให้อยู่ในช่องจราจร Lane Tracing Assist
– ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ แบบแปรผัน Dynamic Radar Cruise Control แบบ All-Speed
– ระบบเตือนแรงดันลมยาง TPMS
– กล้องมองภาพขณะถอยหลัง
– สัญญาณเตือนกะระยะ ด้านหลัง 2 ตำแหน่ง
– ไฟเบรกดวงที่สามแบบ LED
COROLLA ALTIS HEV GR SPORT ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังไฮบริด เครื่องยนต์ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า โดยเครื่องยนต์เป็นบล็อกรหัส 2ZR-FXE VVT-i 4 สูบ แถวเรียง DOHC 16 วาล์ว อัตราส่วนกำลังอัด 13.0 : 1 กำลังสูงสุด 98 แรงม้า ที่ 5,200 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 142 นิวตัน-เมตร ที่ 3,600 รอบ/นาที ทำงานร่วมกับ มอเตอร์ไฟฟ้าแบบซิงโครนัสแม่เหล็กถาวร แรงดันไฟฟ้าสูงสุด 600 โวลต์ ให้กำลังสูงสุด 53 กิโลวัตต์ พร้อมแรงบิดสูงสุด 163 นิวตัน-เมตร แบตเตอรี่ไฮบริดนิกเกิลเมทัลไฮดราย แรงดันไฟฟ้า 201.6 โวลต์ 28 โมดูล 168 เซลล์ ความจุไฟฟ้า 6.5 แอมแปร์-ชั่วโมง กำลังสูงสุด 122 แรงม้า (เครื่องยนต์ผสานมอเตอร์ไฟฟ้า) จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ E-CVT พร้อมโหมดการขับขี่ EV Mode / Power / Normal /ECO Mode ขับเคลื่อนล้อหน้า
มุมมองในด้านดีไซน์ ภายนอก-ภายใน
ดีไซน์โดยรวมของ COROLLA ALTIS HEV GR SPORT แน่นอนต้องบอกตรงๆ เลยว่าเหมือนกับ 1.8 GR SPORT ทุกประการต่างกันก็ตรงที่ขุมพลังเท่านั้น ภาพรวมคือเป็นรถซีดานที่สะท้อนความเป็นหนุ่มเป็นแน่นมากขึ้นเมื่อเทียบกับรุ่นมาตรฐาน แต่ไม่ได้หมายความว่ารุ่นมาตรฐานไม่สวยนะครับ ผมโฟกัสไปที่องค์รวมมากกว่า ซึ่งจุดที่ชี้ให้เห็นถึงความโดดเด่นก็คือดีไซน์ชุดกันชนด้านหน้า มันค่อนข้างสะท้อนความสปอร์ตเร้าใจออกมาได้ชัดเจน บวกกับดีไซน์ของล้อแม็กที่เป็นแบบทูโทน ตรงนี้มันช่วยเติมเต็มให้รถดูเด่นมากยิ่งขึ้น ส่วนด้านท้ายตัวรถผมขอใช้คำว่าแอบจืดและดูธรรมดา เพราะมองแล้วแทบไม่เห็นถึงความต่างเมื่อเทียบรุ่นมาตรฐานครับ อย่างน้อยในจุดนี้ทำออกมาเป็นท่อไอเสียคู่หรือเพิ่มสปอยเลอร์ มันจะดูลงตัวในความเป็น GR Sport มากขึ้น สรุปดีไซน์ด้านนอกผมว่ามันยังหล่อแบบไม่สุด
ด้านภายในห้องโดยสาร ผมขอพูดถึงออปชั่นก่อนที่ได้ รวมๆ นับว่าให้มาไม่แตกต่างไปจากรุ่นมาตรฐาน ทั้งไวเลสชาร์จ จอ HUD สะท้อนความเร็วขึ้นที่กระจกบังลมหน้า แต่จุดที่มาช่วยดึงความแตกต่างออกมาคือรายละเอียดของตัวอุปกรณ์ให้เอกลักษณ์ความเป็น GR Sport ทั้งในส่วนของเบาะนั่งที่มีการหุ้มด้วยหนังสีแดงบริเวณไหล่เบาะ พร้อมเดินตะเข็บลวดลายด้วยด้ายสีแดงเข้าไป อีกทั้งตัวหมอนพนักพิงศรีษะก็ยังมีการปั๊มตัวอักษรจีอาร์ ส่วนการปรับตำแหน่งเบาะในฝั่งผู้โดยสารตอนหน้ารุ่น GR เป็นแบบปรับไฟฟ้า ซึ่งรุ่นมาตรฐานนั้นเป็นปรับแมนนวล นอกจากนี้บริเวณที่มีการห่อหุ้มด้วยหนัง ไม่ว่าจะที่บริเวณท้าวแขนกลาง แผงประตูก็ถูกเติมเต็มด้วยด้ายสีแดงและวัสดุสีแดง อีกหนึ่งจุดที่เป็นความต่างของรุ่นคือปุ่ม Push Start ที่เป็นสีแดงมาพร้อมกับสัญลักษณ์ GR แหละนี่คือจุดที่เพิ่มเข้ามาทั้งหมดสำหรับรุ่นรถนี้
มาตรวัด TFT ขนาด 12.3 นิ้ว ที่ปรับรูปแบบและสไตล์ได้ตามต้องการ
จอมัลติมีเดียระบบสัมผัสขนาด 9 นิ้วตรงกลาง มาพร้อมลำโพง 6 ตำแหน่ง รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto รองรับการเชื่อมต่อแบบไร้สาย พร้อม T-Connect และระบบเชื่อมต่อด้วย Bluetooth รองรับโทรศัพท์ และการเล่นเพลง ที่สำคัญยังสามารถแสดงฟังก์ชั่นต่างๆ รวมถึงข้อมูลตัวรถได้อย่างละเอียด
แม้เป็นรถซีดานแต่เบาะแถวสองสามารถเพิ่มความอเนกประสงค์ด้วยการปรับพับได้แบบ 60 : 40 ช่วยเพิ่มพื้นที่ในการจัดเก็บสัมภาระได้มากขึ้น
การขับขี่
มีจอ HUD แบบสีมาให้ด้วย
COROLLA ALTIS HEV GR SPORT มีคาแร็คเตอร์ที่แตกต่างแบบชัดเจนเมื่อเทียบกับ HEV Premium ให้ความรู้สึกที่นิ่งและมั่นคงยิ่งกว่า เข้าโค้งสนุกกว่า และในจังหวะที่ต้องเปลี่ยนเลนแบบกะทันหัน ตัวรถออกอาการโคลงเคลงน้อยกว่ารุ่นมาตรฐาน จึงทำให้รู้สึกว่าเวลาเปลี่ยนเลนแรงๆ ควบคุมรถได้ง่ายขึ้น ซึ่งทั้งหมดก็มาจากการใช้ช็อคอัพและสปริงที่เซ็ตค่าสำหรับรถรุ่นนี้โดยเฉพาะนั่นเอง บวกกับการใช้ยาง MICHELIN PRIMACY ขนาด 225/45 R17 ( ใช้ยาง DUNLOP SP SPORT MAXX) ซึ่งประสิทธิภาพในการยึดเกาะถนนนับว่าค่อนข้างเนียนและหนึบทีเดียว แต่สิ่งที่น่าแปลกใจคือแม้ช่วงล่างจะเซ็ตออกมาในแนวสปอร์ต แต่รถกลับไม่กระด้างหรือตึงตัง อันนี้ต้องชื่นชม ซึ่งก็สรุปได้แบบสั้นๆ เลยว่าช่วงล่างเฟิร์มขับสนุก แต่ไม่ทิ้งความนุ่มนวล ที่สำคัญผมว่านุ่มกว่า 1.8 GR Sport
ในส่วนของขุมพลังอันนี้ไม่ได้มีอะไรที่แตกต่างไปจากรุ่น HEV Premium ทั้งแรงม้า-แรงบิด อัตราเร่งที่ตอบสนองได้ดีทันอกทันใจ เพราะด้วยมีมอเตอร์ไฟฟ้ามาช่วยเสริมแรง การออกตัวจากจุดหยุดนิ่งไต่ระดับความเร็วไปถึง 90 กม./ชม. ให้ความกระฉับกระเฉงในระดับหนึ่ง ต่อเนื่องไปถึง 120 กม./ชม. ย่านนี้รู้สึกชัดว่าลื่นไหลกว่า ผสานกับการทำงานของมอเตอร์ไฟฟ้า ยิ่งทำให้รถมีความลื่นไหล และเมื่อต้องการความสนุกสนานที่มากขึ้น ก็สามารถใช้ Sport โหมด (ไม่มีแป้นแพดเดิ้ลชิฟต์เหมือนรุ่น 1.8) ในด้านความประหยัด ผมขับทดสอบเป็นระยะทางรวมกว่า 120 กม. บนสภาพการจราจรที่หลากหลายเสมือนใช้งานจริงในชีวิตประจำวัน ทั้งในเมืองเจอรถติดๆ แล้วใช้ความเร็วทดลองอัตราเร่งย่านชานเมือง อัตราความสิ้นเปลืองที่โชว์อยู่บนมาตรวัตของรถอยู่ราว 16 กม./ลิตร ซึ่งถือว่าประหยัดกว่ารุ่น 1.8 GR SPORT
อีกสิ่งสำคัญที่จะอดเขียนถึงไม่ได้ก็คือระบบความปลอดภัย แน่นอนว่าค่ายนี้เค้าก็ชื่อเฉพาะ คือ Toyota Safety SENSE ซึ่งก็จัดมาให้เยอะพอสมควร ตามที่ผมได้พิมพ์ไว้ตามข้างบนเลย โดยระบบดังกล่าวนี้ก็ทำงานผ่านกล้องที่อยู่บริเวณขอบด้านบนของกระจกบังลมหน้า และทุกระบบผมว่าจำเป็นกับการขับขี่บนถนนเมืองไทยนะ ทั้งระบบเตือนการชนด้านหน้า เพราะบางคนก็ชอบขับรถจี้รถคันด้านหน้าจนเกินไป พอมีระบบนี้เตือนผมว่าน่าจะช่วยเตือนสติได้ดีเลยทีเดียว หรือแม้กระทั่งระบบเตือนออกนอกเลน บางคนก็ขับค่อมเลนแบบไม่สนใจเพื่อนร่วมถนนเลย อันนี้ก็น่าจะมีประโยชน์ต่อตัวเองและส่วนรวมด้วยครับ
สรุป : การรีวิวและขับขี่ COROLLA ALTIS HEV GR SPORT อย่างแรกครับรถคันนี้ราคาสูงกว่ารุ่น HEV Premium 120,000 บาท ขุมพลังและออปชั่นและระบบความปลอดภัยจัดมาให้เหมือนกัน แต่ได้ช่วงล่างขับสนุกและมั่นใจขึ้นเยอะเมื่อเทียบกับรุ่นมาตรฐาน รูปลักษณ์หน้าตาแตกต่างจากรุ่นมาตรฐานแต่เหมือนกับ 1.8 GR SPORT แบบฝาแฝด และส่วนตัวผมมองว่ารถคันนี้ยังสะท้อนความ GR SPORT ให้กับรถรุ่นนี้น้อยไปหน่อย จุดหลักที่บ่งชี้ได้ว่านี่คือรุ่นตกแต่งก็เฉพาะด้านหน้ากับล้อแม็กเท่านั้น และประเด็นสุดท้ายขุมพลังเหมือนกับรุ่นมาตรฐานไม่ได้มีอะไรที่แปลกและแตกต่าง ที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับคุณแล้วครับว่าสิ่งที่ผมได้นำเสนอมานั้นมันถูกจริตตรงใจมากน้อยแค่ไหน แต่ทั้งหมดก็อย่าเพิ่งเชื่อผม ยังไงก็อยากให้ไปดูรถคันจริง ลองจับลองสัมผัสมันด้วยตัวคุณเองที่โชว์รูมโตโยต้า ว่ารถคันนี้มันใช่สำหรับคุณหรือไม่