REVIEW : MAZDA2 SP SPORT Minorchange มาดเข้ม ขับสนุก ออปชั่นคุ้ม
แม้จะเป็นแบรนด์รถยนต์ที่ไม่มีโปรดักต์ด้านขุมพลังทางเลือกอย่างไฮบริดหรือว่าอีวี เหมือนกับคู่แข่งในตลาด แต่มาสด้าก็ยังเดินหน้าทำตลาดด้วยผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่ หนึ่งในโมเดลที่ยืดหยัดทำตลาดในไทยมาเป็นเวลานานเกือบ 10 ปี นั่นคือ Mazda2 ซึ่งล่าสุดก็มีการปรับรายละเอียดหลายจุดเพื่อเพิ่มความสดใหม่ให้กับรุ่น ตัวถังแฮทช์แบ็ค 5 ประตู โดยมาพร้อมกับธีมการดีไซน์ 2 รูปแบบ คือ Sport Design เน้นลุคสปอร์ตพรีเมี่ยม และ New Wave Design ที่สะท้อนความมีชีวิตชีวา มีทั้งรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน 1.3 ลิตร และดีเซล 1.5 ลิตร เป็นทางเลือก รวมทั้งหมด 5 รุ่นย่อย และยังมี 2 รุ่นตกแต่งพิเศษ ROOKIE DRIVE / CLAP POP (ใช้พื้นฐานจากรุ่น 1.3 C Sport) สำหรับผู้ชื่นชอบความต่าง
ในคอลัมน์นี้ Carternativethailand ได้นำ New Mazda2 1.3 SP SPORT รุ่นท็อปของเกรด แฮทช์แบ็ค 5 ประตู เครื่องยนต์เบนซิน มารีวิว รายละเอียดความน่าสนใจของรุ่นนี้จะน่าสนใจอย่างไร มีอะไรที่ปรับเปลี่ยนไปบ้าง ไปอ่านรายละเอียดกันเลยครับ
สำหรับ New Mazda2 1.3 SP SPORT ซึ่งเป็นรุ่นท็อปของเกรดเครื่องยนต์เบนซิน 1.3 ลิตร (1.3 C Sport รุ่นเริ่มต้น และ รุ่น 1.3 S Sport เป็นรุ่นรองท็อป) ราคาค่าตัวของรุ่นนี้อยู่ที่ 730,000 บาท โดยได้รับออกแบบในธีม Sport Design ซึ่งแตกต่างจาก 2 รุ่นย่อยที่เป็นเกรดรองลงมา ที่เป็นธีมแบบ New Wave Design
โดยกระจังหน้าของ Mazda2 1.3 SP SPORT ที่เป็นธีม Sport Design ลักษณะคือ เป็นลวดลายแบบรังผึ้ง Mesh Grille สีดำเงา ซึ่งแตกต่างจากรุ่น New Wave Design ที่เป็นลักษณะเหมือนทรงปิดทึบ รวมถึงชุดกันชนหน้าทั้งแผงยังได้รับการออกแบบใหม่ แต่ถ้ามองแบบผิวเผินหลายคนก็จะเข้าใจว่ากันชนหน้าดีไซน์เหมือนเดิม ทั้งๆ ที่เส้นขอบของกระจังหน้าและแนวช่องดักลมใต้กันชนนั้นคนละรูปแบบเลย ก่อนที่จะไปอธิบายการรีวิว ผมขอนำเอาข้อมูลและออปชั่นตัวรถรุ่นนี้มาให้อ่านกันก่อน
รายละเอียดภายนอก Mazda2 1.3 SP SPORT
– ไฟหน้า Projector Lens แบบ LED
– ไฟ Daytime Running Light แบบ LED Signature
– ระบบปรับระดับไฟหน้า สูง-ต่ำ อัตโนมัติ Auto Levelling
– ระบบเปิด-ปิด ไฟหน้าแบบอัตโนมัติ
– กระจกบังลมหน้าแบบกันเสียงรบกวน Acoustic Glass
– ระบบปัดน้ำฝนแบบอัตโนมัติ Rain Sensor
– กระจกมองข้าง ปรับและพับด้วยไฟฟ้า
– กระจกมองข้าง พร้อมไฟเลี้ยวในตัว
– หลังคาสีดำ
– ปลายท่อไอเสียโครเมียม
– สปอยเลอร์หลัง พร้อมไฟเบรกดวงที่ 3
– เสาอากาศแบบครีบฉลาม Shark Fin
– ไฟท้าย LED
– ล้ออัลลอยขนาด 15 นิ้ว ลาย 5 ก้านคู่สีเทาเมทัลลิค (รุ่น S SPORT ใช้แม็กลายเดียวกันแต่สีเงิน รุ่นเริ่มต้นล้อกะทะเหล็ก+ฝาครอบ)
– ยาง 185/65 R15
สีภายนอก
สีฟ้า Air Stream Blue ใหม่!
สีเทา Aero Gray ใหม่!
สีเทา Polymetal Grey
สีเทา Machine Grey
สีขาว Snowflake White Pearl
สีแดง Soul Red Crystal
สีบรอนซ์ Platinum Quartz
รายละเอียดภายในห้องโดยสาร Mazda2 1.3 SP SPORT
เบาะนั่งหุ้มด้วยหนัง สีดำ สลับหนังกลับ Grand Luxe Suede
แดชบอร์ดหน้า บุนุ่มหุ้มด้วยหนัง เดินตะเข็บด้ายแดง
ช่องแอร์ตกแต่งด้วยพลาสติกสีแดง
เบาะนั่งคนขับ ปรับด้วยไฟฟ้า 6 ทิศทาง
ระบบบันทึกความจำตำแหน่ง เบาะนั่งคนขับ Memory Seat 2 ตำแหน่ง
เบาะนั่งผู้โดยสารตอนหน้า ปรับด้วยมือ 4 ทิศทาง
ที่เก็บเอกสารด้านหลังเบาะนั่งผู้โดยสารตอนหน้า
เบาะนั่งด้านหลัง แยกพับอิสระ 60 : 40
พวงมาลัยหุ้มด้วยหนัง
หัวเกียร์หุ้มด้วยหนัง
หน้าจอแสดงผลการขับขี่บนกระจกบังลมหน้า Head-up Display แบบสี
ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ Cruise Control
มาตรวัดเรืองแสง Optitron
หน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ MID
ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ
กระจกหน้าต่างไฟฟ้า 4 บาน ขึ้น-ลงอัตโนมัติฝั่งคนขับ
ระบบป้องกันการหนีบ Protection JAM ฝั่งคนขับ
พวงมาลัยปรับได้ 4 ทิศทาง (ขึ้น-ลง-เข้า-ออก)
ที่บังแดดคู่หน้า พร้อมกระจกแต่งหน้า และ ไฟส่องสว่าง
แผ่นปิดที่เก็บสัมภาระด้านท้าย
ระบบกุญแจ Smart Keyless Entry
ปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ Push Start Button
หน้าจอกลาง Center Display แบบสี ขนาด 7 นิ้ว
เครื่องเสียง วิทยุ AM/FM CD MP3
รองรับ ระบบ Apple CarPlay / Android แบบ Wireless
ปุ่มควบคุมกลาง Center Commander
ระบบเชื่อมต่อไร้สาย Bluetooth
ระบบสั่งงานด้วยเสียง Voice Recognition
ที่ชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย Wireless Charger
ลำโพง 6 ตำแหน่ง
สวิตซ์ควบคุมเครื่องเสียงบนพวงมาลัย
ช่องเชื่อมต่อ AUX
ช่องเชื่อมต่อ USB
ช่องใส่ SD CARD รองรับระบบนำทาง Navigation System
รองรับระบบ Apple CarPlay / Android Auto
ขุมพลัง
เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ แถวเรียง 16 วาล์ว 1.3 ลิตร 1,299 ซีซี. อัตราส่วนกำลังอัด 12.0 : 1 กำลังสูงสุด 93 แรงม้า ที่ 5,800 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 123 นิวตัน-เมตร ที่ 4,000 รอบ/นาที ระบบส่งกำลังเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ พร้อมแมนนวลโหมด คันเร่งไฟฟ้า (Drive by wire) ขับเคลื่อนล้อหน้า ระบบช่วยประหยัดน้ำมัน i-STOP และประหยัดพลังงาน i-ELOOP สวิตซ์ Drive Selection ระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย (Sports Paddle Shift)
ระบบช่วงล่าง
ระบบกันสะเทือนหน้า : อิสระแม็คเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง
ระบบกันสะเทือนหลัง : กึ่งอิสระทอร์ชั่นบีม
Skyactiv-Vehicle Dynamics : ระบบควบคุมสมรรถนะการขับขี่อัจฉริยะขั้นสูง (G-Vectoring Control Plus)
ระบบเบรกหน้า : ดิสก์เบรก พร้อมครีบระบายความร้อน
ระบบเบรกหลัง : ดรัมเบรก (ยกเว้นรุ่น XDL ที่เป็นดิสก์เบรก)
ระบบพวงมาลัย : แร็คแอนด์พีเนียน พร้อมพาวเวอร์ช่วยผ่อนแรงแบบไฟฟ้า (EPAS)
ระบบความปลอดภัย
ระบบกุญแจรีโมทอัจฉริยะ (Smart Keyless Entry)
ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์อัจฉริยะ (Push Start Button)
กุญแจนิรภัย (Immobilizer) และ สัญญาณกันขโมย (Burglar Alarm) พร้อมเซ็นทรัลล็อก
ระบบแสดงภาพ 360 องศา รอบทิศทาง (360° View Monitor)
ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ HBC (High Beam Control)
ระบบควบคุมความเร็วคงที (Cruise Control)
ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ MRCC (Mazda Radar Cruise Control)
ระบบเตือนการชนด้านหน้าและช่วยเบรกอัตโนมัติ SBS (Smart Brake Support)
ระบบเตือนเมื่อรถเบี่ยงออกนอกเลน LDWS (Lene Departure Warning System)
ระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติแบบ Advance
ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน ABSM (Advanced Blind Spot Monitoring)
ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง RCTA (Rear Cross Traffic Alert)
ระบบป้องกันล้อล็อก 4W-ABS พร้อมระบบกระจายแรงเบรก EBD และระบบช่วยเบรก BA
ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี และควบคุมการลื่นไถล TCS (Traction Control System)
ระบบควบคุมเสถียรภาพและการทรงตัวของรถ DSC (Dynamic Stability Control)
ระบบสัญญาณไฟฉุกเฉินเตือนอัตโนมัติ เมื่อรถเบรกกระทันหัน (Emergency Signal System)
ถุงลมนิรภัยคู่หน้า SRS
พวงมาลัยยุบตัวตามการทำงานของถุงลมนิรภัย และแป้นเบรกแบบยุบตัวได้
ระบบช่วยการออกตัวของรถขณะอยู่บนทางลาดชัน (Hill Launch Assist)
จุดยึดเบาะนั่งเด็กแบบ ISOFIX
ระบบเซ็นเซอร์กะระยะ ด้านหน้า-หลัง 4 จุด
กล้องมองหลัง
เข็มขัดนิรภัยด้านหน้า ELR 3 จุด 2 ตำแหน่ง ปรับระดับได้
เข็มขัดนิรภัยด้านหลัง ELR 3 จุด 2 ตำแหน่ง
เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงรั้งกลับและผ่อนแรงอัตโนมัติ (Pretensioner and Load Limiter)
คานเหล็กเสริมกันกระแทกด้านหน้า ด้านข้าง และด้านหลัง
ภาพรวมดีไซน์
มาดูในส่วนของการรีวิว ในความที่เป็นโฉมไมเนอร์เช้นจ์ ดังนั้นภาพรวมของตัวรุ่นของ Mazda2 1.3 SP SPORT จึงไม่ได้เปลี่ยนหรือแตกต่างไปจากโฉมก่อนหน้าแบบชัดเจน พื้นฐานตัวรถโดยส่วนใหญ่จึงเป็นของเดิมทั้งหมด อีกทั้งยังถือว่าเป็นโมเดลที่ลากทำตลาดในไทยค่อนข้างนานทีเดียว ซึ่งผมก็เชื่อว่านี่จะเป็นการปรับโฉมครั้งสุดท้ายแล้วของ Mazda2 แล้วละครับ กลับมาดูที่รายละเอียดความเปลี่ยนแปลงบริเวณด้านหน้าของ New Mazda2 ในรุ่นท็อป ซึ่งจากที่เกริ่นไปช่วงต้นบทความคือ รุ่นนี้นั้นมีความต่างจากรุ่นเริ่มต้นและรุ่นรองท็อปตรงที่ธีมดีไซน์
ในมุมมองและความรู้สึกของผม มองว่า รุ่น C Sport และ S Sport ที่มาในรูปแบบของ New Wave นั้น ดูมีความแตกต่างแบบชัดเจนกว่าเมื่อเทียบกับโฉมก่อนหน้า เพราะกระจังหน้าออกไปในเทรนด์ของรถไฟฟ้า ที่กระจังออกแบบให้เป็นแผ่นทึบ ไม่ได้เป็นช่องหรือเป็นซี่ แม้จะมีหลายกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่ากระจังรูปแบบนี้จะส่งผลต่อการระบายความร้อนให้กับเครื่องยนต์หรือไม่ จากการพูดคุยกับทีมโปรดักต์ของมาสด้า แจ้งว่ารูปแบบกระจังหน้าแบบนี้ไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรกับการระบายความร้อนของเครื่องยนต์ เพราะมีพัดลมและหม้อน้ำทำหน้าที่ตรงนี้อยู่แล้ว
ในขณะที่รุ่น 1.3 SP SPORT กระจังดีไซน์มาแบบรังผึ้งสีดำเงา แม้จะมีการปรับดีไซน์และเส้นกรอบใหม่ แต่ก็ยังมีความละม้ายกับโฉมที่แล้วอยู่ดี นั่นจึงเป็นสิ่งที่หลายคนรวมถึงตัวผมเองมองว่าจุดนี้มีความแตกต่างไม่ชัดกว่าโฉมทีแล้ว อย่างไรก็ตามกระจังหน้าแบบนี้ก็มีส่วนทำให้ตัวรถดูสปอร์ตคมเข้มกว่าโฉมที่แล้วอยู่บ้าง โดยเฉพาะเส้นกรอบกระจังที่เป็นสีดำเพราะเดิมทีนั้นเป็นโครเมียม ส่วนไฟหน้าก็เป็นสเปกเดิมรูปแบบยังถือว่าดูโฉบเฉี่ยวไม่ตกเทรนด์และลงตัวกับดีไซน์ใหม่ด้านหน้า
สำหรับล้อแม็กดีไซน์เหมือนกับรุ่นรองท็อปเลย เป็นแบบก้านคู่ห้าชุดขนาด 15 นิ้ว แต่สร้างความแตกต่างระหว่างรุ่นย่อยด้วยสีของล้อ โดยรุ่นรองท็อปเป็นสีเงินธรรมดา ส่วนคันนี้เป็นเทาเมทัลลิก สำหรับดีไซน์ผมว่าดูเรียบๆ ไปหน่อย และดูแล้วในเรื่องของหน้าตาลวดลายสู้รุ่นท็อปเกรดขุมพลังดีเซล XDL ไม่ได้ จบจากเรื่องล้อแม็กในรุ่นท็อปคันนี้ยังมาพร้อมหลังคา ซึ่งดูแล้วก็ทำให้รถดูมีมิติและเอกลักษณ์มากขึ้น ขณะที่ด้านท้ายชายกันชนมีการคาดทับด้วยแถบพลาสติกสีดำเงา แต่งแต้มด้วยแถบสีแดงเล็กๆ สร้างจุดน่าสนใจ ส่วนไฟท้ายก็ยังเป็นทรงเดิม เหนือขึ้นไปตัวเสาอากาศแบบครีบฉลามสีดำ
มาดูกันต่อที่ห้องโดยสารในรุ่น 1.3 SP SPORT ผมว่าจุดนี้ทำออกมาได้ค่อนข้างดี วัสดุก็ถือว่าได้คุณภาพไม่ก๋องแก๋ง บวกกับการที่ใช้หนังกลับ Grand Luxe Suede มาเป็นองค์ประกอบในหลายๆ จุดไม่ว่าจะเป็นแดชบอร์ดและแผงประตู รวมถึงเบาะ อีกทั้งยังมีการเดินตะเข็บด้วยได้สีแดงเสริมเข้าไปด้วย ตรงนี้ทำให้สะท้อนอารมณ์ความเป็นสปอร์ตได้อย่างยอดเยี่ยมทีเดียว อันนี้ต้องชมเลยครับ
ส่วนออปชั่น-ฟังก์ชั่น สำหรับรุ่นท็อปเบนซินเรียกว่าจัดมาให้ค่อนข้างเยอะ อย่างเบาะฝั่งคนที่ปรับไฟฟ้าตำแหน่งได้ถึง 6 ทิศทาง ซึ่งยังมาพร้อม Memory 2 ตำแหน่ง อันนี้ต้องบอกเลยครับว่าคู่แข่งไม่มี อีกทั้งยังมีจอ Head Up display ซึ่งก็ต้องบอกอีกว่าคู่แข่งก็ไม่มี รวมไปถึงกล้องรอบคัน 360 องศา เป็นไงล่ะแค่ 3 ออปชั่นก็เหนือคู่แข่งแล้ว
อีกหนึ่งสิ่งบอกเลยว่า Mazda 1.3 SP SPORT จัดมาให้แบบแน่นๆ คือ ระบบความปลอดภัย สิ่งที่ติดดตั้งมากับรถที่ราคาไม่ถึงแปดแสนบาทโคตรคุ้ม อย่างเช่น ระบบควบคุม
ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ MRCC เตือนการชนด้านหน้าและช่วยเบรกอัตโนมัติ SBS เตือนเมื่อรถเบี่ยงออกนอกเลน LDWS ระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติแบบ Advance
เตือนมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน ABSM และเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง RCTA นี่แค่เบื้องต้นนะครับ ยังมีอีกเพียบลองไล่ดูจากข้อมูลที่ผมพิมพ์มา
ด้านการขับขี่ ขอไม่พูดอะไรมาก เพราะไม่ไดีมีอะไรเปลี่ยนแปลง ซึ่งก็เป็นรถที่ขับขี่ได้สนุกระดับหนึ่ง อัตราเร่งพอเพียงต่อการใช้งานแบบทั่วๆ ไป แต่ก็อาจไม่จัดจ้านตึ๊ดๆ เร้าใจเท่าไหร่นัก โดยเฉพาะพวกเท้าหนัก แต่ตรงกันข้ามในเรื่องอัตราความสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง อันนี้ดีเลยนะครับ เพราะผมลองขับทั้งในเมืองเจอรถติดๆ ขับออกนอกเมืองได้ลองอัตราเร่ง ระยะทางรวม 200 กม. ตัวเลขความสิ้นเปลืองที่โชว์อยู่บนมาตรวัดอยู่ที่ 17 กม./ลิตร อันนี้ถิอว่าดีงามครับ
มาดูกันต่อที่การควบคุมรถและระบบช่วงล่างกันบ้าง อันนี้ผมว่าหลายคนที่เคยขับและ FC มาสด้า รู้ดีกันอยู่แล้วว่า เชื่อใจมั่นใจได้ พวงมาลัยคม คอนโทรลรถได้แบบเข้ามือ การเปลี่ยนเลนแบบกะทันหันคุมรถได้ง่าย ตัวรถนิ่ง ไม่ค่อยเสียทรงเสียอาการ ในขณะที่การสาดโค้งหรือยัดโค้งต่อเนื่องหายห่วง ยิ่งมี G-Vectoring Control Plus มาให้ด้วยอันนี้วางใจได้ แต่ทั้งหมดทั้งมวลก็อยู่ที่ความเร็วที่เหมาะสมด้วยนะครับ ไม่ใช่กดร้อยสามร้อยสี่แล้วบอกไม่เห็นเหมือนที่รีวิว ต่อให้รถหลักล้านถ้าขับแบบนั้นแล้วสาดโค้งยังไงก็ลงไปกินดินข้างทางแน่นอน
แต่ถ้าถามหาความนุ่มนวล ไม่ใช่แค่ Mazda 1.3 SP SPORT ยังรวมถึงรุ่นย่อยอื่นๆ ด้วย ผมว่าไม่ได้นิ่ม ไม่ได้นุ่ม แต่ก็ไม่ถึงกับแข็งหรือกระด้างจนนั่งแล้วรู้สึกไม่สบาย ยังขับขี่หรือโดยสารได้ปกติ แต่ถ้าเทียบกับคู่แข่งในคลาสเดียวกัน ผมว่าพวกนั้นเค้าจะนุ่มกว่า แต่ถ้าถามหาเรื่องความเฟิร์มขับแล้วรู้ว่าสนุก รถคันนี้มีให้เต็มร้อยครับ
สรุปให้สั้นๆ กับการารีวิวและขับขี่ Mazda2 1.3 SP SPORT คือ ผมชอบในความคุ้มค่า ทั้งระบบเซฟตี้ ออปชั่น วัสดุค่อนข้างดี ระบบช่วงล่างที่ขับสนุก แม้ว่าเรี่ยวแรงอาจไม่จี๊ดจ๊าดจัดจ้านมากนัก แต่ก็เพียงพอต่อการใช้งานในบนท้องถนน และก็ยังมีความประหยัด แต่ติดอย่างเดียวครับ ยังเป็นโมเดลที่ลากยาวทำตลาดในไทยมาเกือบ 10 ปี ตรงนี้แหละครับที่จะทำให้ถูกยกมาเป็นตัวแปรในการตัดสินใจ แม้ว่าจะมีการไมเนอร์เช้นจ์แล้วก็ตามที่ แต่ถ้าใครรักจริง ชอบจริง มองแล้วไม่ใช่เรื่องใหญ่ บอกเลยครับว่ารถ Mazda2 1.3 SP SPORT คันนี้คุ้มค่าน่าใช้ครับ
ในขณะที่
การขับขี่