REVIEW : TOYOTA FORTUNER 2.8 GR SPORT ช่วงล่างเฟิร์มขึ้น ขับสนุกกว่าเดิม เติมเต็มภาพลักษณ์ความสปอร์ต

0
Cover Fortuner GR

นับเป็นรถยนต์สไตล์ PPV อีกหนึ่งรุ่นที่เป็นขวัญใจชาวไทย สำหรับ TOYOTA FORTUNER กับเจ้าของฉายาที่ถูกเรียกจนติดปากว่า “คุ๊กกี้” ออกจำหน่ายกี่โมเดลกี่รุ่นย่อยก็เรียกว่ากวาดยอดขายไปได้เยอะพอสมควร เห็นได้จากปริมาณรถที่อยู่บนท้องถนน วันนี้ทาง CarternativeThailand.com มีโอกาสได้นำ TOYOTA FORTUNER GR SPORT มารีวิวและทดลองขับ เรียบเรียงเป็นเนื้อหาและข้อสรุปเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจให้กับผู้ที่กำลังดูๆ เล็งๆ รถประเภทนี้หรือกำลังคิดว่าจะซื้อรถรุ่นนี้ไวใช้งาน

สำหรับ TOYOTA FORTUNER GR SPORT นับเป็นอีก 1 รุ่นในไลน์อัพของ GR SPORT โดยรุ่นย่อย Fortuner Legender เครื่องยนต์ดีเซล 2.8 ลิตร ขับเคลื่อน 4 ล้อ มาปรับปรุงอัพเกรดใหม่ ทั้งในส่วนของช่วงล่าง และรายละเอียดภายนอก-ภายในบางจุด ให้มีความต่างอย่างโดดเด่น

มาพร้อมทางเลือก 3 สี ขาว ดำ และแดง ราคาสีดำ ราคา 1,879,000 บาท ซึ่งสีแดงและขาว (หลังคาดำ) ต้องจ่ายเพิ่มอีก 20,000 บาท ราคาก็อยู่ที่ 1,899,000 บาท เพิ่มขึ้นจาก Fortuner Legender 2.8 4×4 40,000 บาท

โดยรายละเอียดภายนอกของจุดหลักๆ ที่ได้รับการปรับเปลี่ยนก็คือ ชุดตกแต่งกันชนหน้า องค์ประกอบดีไซน์ของกรอบไฟตัดหมอก (ตัวคาด) รวมทั้งติดตั้งเพลทที่เป็นสัญลักษณ์ของ GR เข้าไปที่มุมกรอบของช่องดักลม

ชุดไฟหน้าเป็นแบบ Projector มีชุดไฟเดย์ไทม์รันนิ่งไลค์อยู่ในตัว นอกจากนี้ยังสามารถปรับไฟสูงต่ำได้อัตโนมัติอีกด้วย ไฟเลี้ยวแบบ LED ซีเควนเชียลหรือไฟวิ่ง

เปลี่ยนมือจับประตูเป็นสีเดียวกับตัวรถ ด้านท้ายเปลี่ยนสปอยเลอร์เหนือกระจกบังลมหลังดีไซน์ใหม่ ดีไซน์ของชายล่างกันชนหลัง เป็นลักษณะคล้ายครีบ Diffuser ส่วนล้อแม็กเป็นขนาด 20 นิ้ว หน้าตาลวดลลายเหมือนกับ Fortuner Legender เป๊ะๆ แต่เพิ่มความเข้มด้วยการรมดำเข้าไป

สำหรับภายในห้องโดยสาร นับว่ามีการยกระดับปรับใหม่ให้มีความสปอร์ตมากยิ่งขึ้น เบาะนั่งหุ้มด้วยหนัง Suede เจาะรู ผสมหนังสังเคราะห์ เติมเติมความเร้าใจด้วยการเดินตะเข็บดายสีแดง พร้อมกับปักสัญลักษณ์ GR ที่พนักพิงศีรษะเข้าไปอีกสเต็ป

ขณะเดียวกันยังได้เปลี่ยนวัสดุหุ้มแผงหน้าปัดด้านหน้าเป็นหนังสังเคราะห์สีดำ พร้อมกับเดินตะเข็บด้วยด้ายสีแดง และตกแต่งด้วยวัสุดแถบสี Smoke Silver เช่นกันกับกรอบช่องแอร์ด้านหน้าเปลี่ยนเป็นสี Smoke Silver

บริเวณแผงด้านข้างประตูเปลี่ยนวัสดุหุ้มเป็นหนังสีเคราะห์สีดำ คาดทับด้วยแถบวัสดุสี Smoke Silver พวงมาลัยหุ่มด้วยหนัง Soft Touch เจาะรู พร้อมเดินตะเข็บด้ายสีแดง และตกแต่งด้วยสัญลักษณ์ GR ขณะที่ปุ่ม Push Start/Stop ถูกตกแต่งด้วยสัญลักษณ์ GR

ในตำแหน่งหัวเกียร์เปลี่ยนวัสดุหุ้มเป็นหนังพร้อมกับตกแต่งด้วยแถบสี Smoke Silver บริเวณฐานคันเกียร์ตกแต่งด้วยวัสุดลาย Carbon Fiber และเสริมด้วยแถบสี Smoke Silver ที่ท้าวแขนซึ่งด้านในเป็นที่เก็บของเปลี่ยนวัสดุเป็นหนังสังเคราะห์และเดินตะเข็บด้ายสีแดงเช่นกัน ขณะแป้นคันเร่งและแป้นเบรกแบบอะลูมิเนียมเจาะรู สะท้อนความสปอร์ตและช่วยให้ใช้งานได้วสะดวกและมีประสิทธิภาพมากขึ้น เติมเต็มเอกลักษณ์ส่วนตัวด้วยพรมรองพื้นห้องโดยสาร ดีไซน์เฉพาะรุ่น GR Sport

สำหรับระบบแอร์เป็นแบบ Dual Zone อย่างไรก็ตามในส่วนของออปชั่นที่เป็นไฟ Ambient Light ถูกตัดออกไป แม้ว่าใช้พื้นฐานของ Legender ก็ตาม ส่วนมาตรวัดเป็นแบบเรืองแสง Optitron สีขาว ดีไซน์เฉพาะรุ่น GR Sport

สำหรับขุมพลังของ TOYOTA FORTUNER GR SPORT เป็นเครื่องยนต์รหัส 1GD-FTV ดีเซล 4 สูบ แถวเรียง DOHC 16 วาล์ว ขนาด 2.8 ลิตร (2,755 ซีซี.) ระบบจ่ายเชื้อเพลิงใช้หัวฉีด Direct-injection หรือฉีดตรง แบบ Commonrail พร้อมพ่วงด้วย Turbo แปรผัน ให้กำลังสูงสุด 204 แรงม้า (PS) ที่ 3,400 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 500 นิวตัน-เมตร ที่ 1,600 – 2,800 รอบ/นาที จับคู่อัตโนมัติ 6 จังหวะ พร้อม Paddle Shift ขับเคลื่อน 4 ล้อ Part-time 4WD แต่ไม่มี Differential Lock

ระบบช่วงล่างของ Fortuner GR Sport รูปแบบยังเหมือนกับ Fortuner รุ่นมาตรฐาน ด้านหน้าเป็นแบบอิสระปีกนกคู่ พร้อมคอยล์สปริงและเหล็กกันโคลง ส่วนด้านหลังเป็นแบบ 4 Links พร้อมคอยล์สปริงและเหล็กกันโคลง โดยรายละเอียดการปรับแต่ง Fortuner GR Sport ในส่วนของโช้คอัพเปลี่ยนสเปกมาเป็นแบบโมโนทูป ในขณะที่ตัวคอยล์สปริงมีการปรับค่า K ของเพิ่มขึ้น 17%

สำหรับระบบเบรกปรับระยะฟรีของแป้นเบรกให้กระชับและสั้นขึ้น นอกจากนี้ตัวคาลิเปอร์คู่หน้า-หลัง ถูกพ่นเป็นสีแดงมาพร้อมสัญลักษณ์ของ GR

ระบบความปลอดภัยเรียกว่าจัดมาให้ครบครันทีเดียว ไม่ว่ากล้องมองรอบคัน PVM (Panoramic View Monitor) พร้อมมุมมองแบบ 3D View ระบบเตือนเมื่อออกนอกเลน พร้อมหน่วงกลับอัตโนมัติ LDA ระบบความปลอดภัยก่อนการชน PCS โดยเพิ่ม 2 ระบบเข้ามาคือ ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตาที่กระจกมองข้าง BSM (Blind Spot Monitor) ระบบช่วยเตือนขณะถอยรถ RCTA (Rear Cross Traffic Alert)     

การทดสอบขับขี่ : สำหรับสมรรรถนะการขับขี่ต้องบอกเลยครับว่า เจ้าเครื่องยนต์ตัวนี้มีพละกำลังแบบที่ไม่ต้องทำอะไรเพิ่มเติมเลย เรี่ยวแรง 204 แรงม้า การขับขี่เดินทางไกล ช่วงไต่ระดับความเร็วถือว่าสามารถลากบอดี้ใหญ่ๆ ทรงอวบอ้วนได้สบาย ความเร็วปลายไหลไปแตะ 190 กม./ชม. ทำได้แบบไม่ต้องแช่กันจนยืดเยื้อ ดังนั้นจึงไม่ต้องห่วงกับการเร่งแซง กดเมื่อไหร่เป็นมา ในจุดนี้ถือว่าโตโยต้าทำได้ออกมาได้อย่างคงเส้นคงวาทีเดียว

ส่วนการใช้งานในเมืองหลายคงแอบกังวลเรื่องความคล่องตัว ในจุดนี้บอกเลยครับว่ามองข้ามไปได้เลย ถ้าคุณสังเกตดีๆ ก็คงเห็นได้ชัดว่ารถรุ่นนี้ไม่ว่าจะกี่รุ่นกี่โมเดลปี ก็เห็นขับขี่กันเกลื่อนเมือง ยิ่งรุ่นใหม่ๆ Fortuner GR Sport ตัวช่วยก็จัดมาครบๆ ทั้ง Blind Spot หรือ ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตาที่กระจกมองข้าง ระบบช่วยเตือนขณะถอยรถ RCTA ดังนั้นการใช้งานในเขตชุมชนก้ไม่ถือเป็นปัญหาแต่อย่างใด แถมด้วยความสูงของตัวรถ ผมว่าทัศนะวิสัยเห็นได้ชัดทีเดียว

ด้านระบบช่วงล่างที่ปรับสเปคใหม่เพื่อ Fortuner GR Sport โดยเฉพาะ การขับขี่สัมผัสได้ชัดเจนว่า ตัวรถเฟิร์มขึ้น สามารถซับแรงสะเทือนที่สะท้อนมาจากพื้นผิวถนน ทั้งช่วงขับผ่านรอยต่อถนนหรือว่าคอสะพานได้ดีกว่ารุ่นมาตรฐาน

จังหวะการขับบนทางโค้งยาวๆ หรือการเปลี่ยนเลนแบบฉุกเฉิน ในย่านความเร็ว 60-80 กม./ชม. อาการโยนตัวของรถน้อยกว่ารุ่นมาตรฐาน รู้สึกชัดเลยว่ารถนิ่งขึ้น ทำให้การขับขี่มีความสนุกและมั่นใจว่าสามารถควบคุมรถได้ง่ายขึ้น

ขณะที่ช่วงขับขี่ในเขตเมือง ด้วยความเร็วต่ำ 50-60 กม./ชม. แน่นอนว่าการชะลอตัวและเบรกบ่อยๆ อาการหัวทิ่มยวบยาบลดน้อยลงแบบชัดเจนเมื่อเทียบกับรุ่นมาตรฐาน ซึ่งข้อดีคือผู้โดยไม่ต้องรู้สึกปวดเศียรเวียนเกล้า

ส่วนการควบคุมรถ รู้สึกได้ว่าพวงมาลัยคมและนิ่งขึ้น ความเร็วต่ำก็ทำได้แบบสบายๆ ไม่ต้องออกแรงบังคับเลี้ยวกันจนกล้ามขึ้น ผู้หญิงยังสามารถขับขี่ได้ ช่วงความเร็วสูงพวงมาลัยมีความหน่วงมึงกำลังดี ไม่ตึงมือจนเกินไป ส่วนหนึ่งเป็นเพราะมีการปรับซอฟต์แวร์ให้เหมาะสมลงตัวกับช่วงล่างที่ปรับเซ็ตใหม่

สำหรับอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง เราทดสอบขับทั้งในเขตเมืองและการขับขี่ทางไกล ระยะทางรวม 264 กม. ตัวเลขค่าเฉลี่ยที่แสดงบนหน้าจอของรถอยู่ 12.1 กม./ลิตร ซึ่งด้วยพิกัดของเครื่องยนต์บวกการลักษณะการใช้งาน และขนาดของตัวรถ ก็ไม่ได้รู้สึกว่าประหลาดใจหรือรู้สึกว่าประหยัดมากมายนัก ภาพรวมถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่สมเหตุสมผล แต่ด้วยช่วงนี้จากราคาน้ำมันดีเซลที่ปรับสูงขึ้น ก็อาจทำให้รู้สึกได้ว่ารถนั้นบริโภคน้ำมันมากกว่าปกติ

ในด้านดีไซน์ภายนอก ความเห็นส่วนตัวของผม ถือว่าสะท้อนความเป็น GR ออกมาได้มาอย่างชัดเจน องค์ประกอบรอบคันสะท้อนความดุดันเร้าใจมากขึ้นเมื่อเทียบกับรุ่นมาตรฐาน ทั้งรายละเอียดด้านหน้า-ด้านท้าย ลวดลายและสีของล้อแม็กที่เข้มขึ้น

ส่วนภายในห้องโดยสารภาพรวมต้องบอกเลยว่าเท่ขึ้น และมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ชัดเจน อีกทั้งในส่วนของคอนโซลหน้าแผงประตูที่มีการเดินตะเข็บด้วยด้ายสีแดง ขณะที่ตัวเบาะก็สะดุดตาด้วยวัสุดหุ้มเบาะที่สปอร์ตมากขึ้น ในจุดนี้บอกเลยว่าดีต่อใจไม่ต้องทำอะไรเพิ่มเติมอีกเลย

บทสรุป : สำหรับการทดสอบและรีวิว TOYOTA FORTUNER 2.8 GR SPORT ภายใต้ราคาค่าตัวเริ่มต้น 1,879,000 บาท (สีดำ) สีขาวและแดง 1,899,000 บาท (หลังคาดำ) พูดง่ายๆ ว่าจ่ายล้านเก้าทอนพัน จุดหลักๆ ที่จะได้เมื่อจ่ายตัง โดยไม่นับรวมเรื่องพละกำลัง ที่ต้องบอกว่าแรงอยู่แล้วนั้น คือ ช่วงล่างที่ขับขี่ได้สนุกและมั่นใจกว่าเดิม รู้สึกว่าซับพอร์ตความจัดจ้านของเครื่องยนต์ได้อย่างลงตัว ขณะที่ดีไซน์ภายนอกภายในก็ให้เอกลักษณ์ที่โดดเด่นตามสไตล์ GR ที่สำคัญระบบความปลอดภัยติดตั้งมาให้อย่างครบครันเพียงพอต่อการใช้งานบนท้องถนนยุคปัจจุบันอย่างแน่นอน

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *